การปลูกข้าวให้มีผลผลิตไม่ต่ำกว่า 120 ถังต่อไร่

(ต้องใช้ร่วมกับ โกร้ธ-วัน, โกร้ธ-ทู)

วิธีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในนาข้าว
1. หว่านปุ๋ยรอบแรก เมื่ออายุข้าวช่วง 20-30 วัน
ข้าวเบาหว่านเมื่ออายุข้าวไม่เกิน 20 วัน ข้าวหนักหว่านเมื่ออายุข้าวไม่เกิน 30 วัน ใช้ในอัตราส่วน 2:1
โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ภัณฑ์ 2 ส่วน ต่อ ปุ๋ยยูเรีย 1 ส่วน ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน หว่านให้ทั่วแปลงในอัตรา 30 กก./ไร่
2. หว่านปุ๋ยรอบ 2 ช่วงข้าวท้อง
ใช้อัตราส่วน 2:1 โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ 2 ส่วน ผสมปุ๋ยยูเรีย 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากันหว่านให้ทั่วทั้งแปลง ในอัตรา 30 กก./ไร่
3. หว่านปุ๋ยรอบ 3 สำหรับแต่งหน้าข้าว
ช่วงข้าวแทงหางปลาทู โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในอัตรา 15 กก./ไร่
ผลที่ได้จากการใช้ ปุ๋ยอินทรีย์ภัณฑ์ + โกร้ธ-วัน + โกร้ธ-ทู ในนาข้าว
1. ข้าวเขียวทน เขียวนาน กว่าการใช้ปุ๋ยเคมี 2 เท่า ทำให้ประหยัดต้นทุนการหว่านปุ๋ยหลายครั้ง
2. การแตกกอ ใช้เวลา 3 – 5 วัน หลังจากหว่านปุ๋ย ข้าวจะเริ่มเขียวพร้อมกัน และเขียวเสมอกัน ต้นงาม เสมอกันและแตกกอได้ดีกว่า(เมื่อนับจำนวนต้นจาก การแตกกอจะมากกว่า)
3. ต้นแข็ง ใบตั้ง ต้านทานโรคและแมลงได้ดีกว่า จึงลดจำนวนครั้งในการฉีดยากำจัดโรคและแมลงไปครึ่งหนึ่ง
4. ระบบราก (รากฝอย) จะมีจำนวนมากกว่า ยาวกว่า เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับแปลงที่ใช้ปุ๋ยเคมี
5. ร่นระยะเวลาการเก็บเกี่ยว ทำให้ประหยัดต้นทุน ค่าน้ำมัน ในการสูบน้ำเข้านา
6. ข้าวสุกแก่พร้อมกัน ทำให้ไม่มีข้าวเขียวปะปนเวลาขาย ไม่โดนตัดราคา
7. ผลผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เมื่อเทียบกับการใช้ปุ๋ยเคมี
8. ข้าวไม่ล้ม หมายถึง ลำต้นแข็งแรง ทำให้ไม่เกิดความเสียหาย
9. เมล็ดข้าวแกร่ง ขั้วเหนียว เมล็ดเต่ง รวงโต เปลือกบาง น้ำหนักดี สีเหลืองสวย ขายได้ราคา
10. ฟื้นฟูสภาพดิน (ดินดีกว่าเดิม) สังเกตได้จาก การเดินบนพื้นนา ดินจะเป็นหลุม ดินนุ่มขึ้นมาก

สนใจติดต่อ มือถือ: 088 049 2220 และ line ID: jakrich
email:richman99.p@gmail.com
http://www.coin.co.th/

ประเภทของปุ๋ย

ปุ๋ยมูลค้างคาว ท่านอาจจะรู้จักปุ๋ยมูลค้างคาวตามท้องตลาดมาบ้าง แต่ที่อยากแนะนำคือปุ๋ยมูลค้างคาวของบริษัทเจริญโอสถ เพื่อเป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบกับปุ๋ยมูลค้างคาวตามท้องตลาดว่าแตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้ท่านจะได้เลือกใช้ปุ๋ยที่ดีในการปลูกพืชผักของท่าน
ประเภทของปุ๋ยมี 3 ประเภทด้วยกันคือปุ๋ยเคมี ปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์
1.ปุ๋ยเคมี มีจะมีธาตุอาหารหลักด้วยกัน 3 ธาตุ จากธาตุอาหารทั้งหมด 16 ธาตุที่พืชต้องการ ประกอบด้วย
1.ไนโตรเจน (N) ให้ความเขียว เร่งการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิต
2.ฟอสฟอรัส (P) ช่วยทำให้ควบคุมการออกดอก ออกผล
3.โปแตสเซียม (K) ช่วยทำให้ผลใหญ่ สร้างแป้งและน้ำตาล ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดี
ปุ๋ยเคมีที่ขายในท้องตลาดก็จะมีทั้งแบบเดี่ยวกับแบบผสม
แบบเดี่ยว เช่น ปุ๋ยสูตร 46-0-0 , 0-46-0 , 0-0-60 เป็นต้น
แบบผสม เช่น ปุ๋ยสูตร 16-20-0 , 15-15-15 , 16-16-8 เป็นต้น
ส่วน ผสมในปุ๋ยเคมีใน 1 กระสอบมีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น ปุ๋ยสูตร 16-20-0 ในน้ำหนัก 100 กิโลกรัม จะมีเนื้อปุ๋ย 36 กิโลกรัม นอกนั้นก็จะเป็นสารเติมเต็ม 64 กิโลกรัม เพราะฉนั้นปุ๋ยที่บรรจุขายอยู่ 50 กิโลกรัม จึงมีเนื้อปุ๋ยจริงๆแค่ 18 กิโลกรัมเท่านั้นที่เหลือผสมอยู่ในถุงก็เป็นสารเติมเต็มพวก อิฐ หิน ดิน ทราย ต่างๆ เหตุที่ต้องผสมสารเติมเต็มลงไปเพราะว่า ปุ๋ยเคมีไม่สามารถที่จะนำไปใช้กับพืชได้ 100% พืชจะตายหมด ทุกปีที่เรานำปุ๋ยเคมีไปใส่ไร่ใส่นา เราจึงนำเศษอิฐ เศษหินไปใส่ด้วยนานวันเข้าสารเติมเต็มพวกนี้จึงตกค้างอยู่ตามดิน ทำให้ดินแน่นเสื่อมคุณภาพ เมื่อดินเสื่อมสภาพ (เป็นกรด) ดินที่เป็นกรดจะสลาย 3 ธาตุอาหารทิ้งคือ แคลเซียม แม็กนิเซียม และก็โปรแตสเซี่ยม